การเกิดข้างขึ้น-ข้างแรม
การเกิดข้างขึ้น-ข้างแรม
เมื่อเรามองดูดวงจันทร์บนฟ้า นอกจากจะเห็นกระต่าย
แล้วรู้ว่าดวงจันทร์หันด้านที่เป็นรูปกระต่ายเข้าหาโลกเสมอแล้ว
สิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือรูปร่างของดวงจันทร์ที่บางครั้งก็เป็นเสี้ยวผอมบาง
บางครั้งก็อ้วนกลม เปลี่ยนไปทุกวัน เรียกว่า เกิดข้างขึ้น-ข้างแรม รูปร่างการเปลี่ยนแปลงของดวงจันทร์ช่วงข้างขึ้น
และช่วงข้างแรมก็ต่างกันน่าสังเกต วันข้างขึ้น-ข้างแรมจะสัมพันธ์กับรูปร่าง
และเวลาขึ้น-ตกของดวงจันทร์
เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจการเกิดข้างขึ้น-ข้างแรมตามแปนภาพเราต้องจินตนาการว่า
เราอยู่ในอวกาศนอกโลก ไกลออกไปทางขั้วโลกเหนือ มองดูโลก เห็นดวงจันทร์โคจรรอบโลก
ภาพดวงจันทร์ใน คือธรรมชาติที่แท้จริงของดวงจันทร์
เพราะดวงจันทร์ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
ดวงจันทร์จึงมีส่วนสว่างครึ่งดวงคือด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์
ขณะดวงจันทร์โคจรรอบโลก ส่วนที่โดนแสงอาทิตย์หันเข้าหาโลกเปลี่ยนไปเมื่อมองจากโลกจึงเห็นรูปร่างของดวงจันทร์เปลี่ยนไป
รูปร่างของดวงจันทร์วงนอก
คือรูปร่างของดวงจันทร์ที่มองจากโลกสัมพันธ์กับตำแหน่งของดวงจันทร์วงใน
สุริยุปราคา
สุริยุปราคา
เป็นปรากฏการณ์ ตามธรรมชาติ ที่ดวงจันทร์ โลก
และดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง ทำให้ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์
และเงาของดวงจันทร์จึงตกมาบน บริเวณ ต่างๆ บนโลก
สุริยุปราคาหรือ เรียกอีกอย่างว่า สุริยะคราส
หมายถึง
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นขณะที่ดวงจันทร์หมุนรอบโลก แล้วโคจรมาบังดวงอาทิตย์
จึงทำให้โลกไม่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ช่วงขณะหนึ่ง โดยเงาของดวงจันทร์จึงตกมาบนโลก
ทำให้บริเวณพื้นผิวโลกที่อยู่ใต้เงามืดของดวงจันทร์ เห็นดวงอาทิตย์มืดมิด
เราเรียกว่า “สุริยุปราคาเต็มดวง” และบริเวณพื้นโลกที่อยู่ใต้เงามัวของดวงจันทร์ก็จะเห็นดวงอาทิตย์มืดเป็นดวงกลมโดยมีขอบสว่างล้อมรอบคล้ายวงแหวน
เราเรียกว่า “วงแหวนสุริยุปาคา” ส่วนบางบริเวณก็เห็นดวงอาทิตย์มืดบางส่วนและสว่างบางส่วน
เราเรียกว่า “สุริยุปราคาบางส่วน” สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
เพราะส่วนใหญ่ดวงจันทร์มักจะโคจรในระดับที่สูงหรือต่ำกว่าแนวระดับเดียวกัน (
แนวเส้นตรงเดียวกัน ) กับโลกและดวงอาทิตย์ ดังนั้นสุริยุปราคาจะเกิดขึ้นได้เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรงระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
( ตรงกับแรม 14 – 15 ค่ำ )
ผลกระทบ การเกิดสุริยุปราคา
มีผลกระทบก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
เนื่องจากการที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลดแสงลงเนื่องจากดวงจันทร์บังแสงดวงอาทิตย์
ทำให้สัตว์ต่างๆพากันกลับรังเพราะนึกว่าถึงเวลากลางคืนเห็นได้ชัดก็คือ นกชนิดต่างๆ
จะบินกลับรัง
ส่วนคนก็พากันตื่นเต้นและเตรียมการเฝ้าดูในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้มนุษย์มีโอกาสเห็น
และได้ศึกษาการเกิดสุริยุปราคา และเกิดบริเวณใดของโลกวิธีดู
เมื่อเกิดสุริยุปราคาไม่ควรดูด้วยตาเปล่า เพราะอาจทำให้ตาบอดหรือเป็นโรคตาได้
ควรใช้อุปกรณ์เป็นแผ่นฟิล์มถ่ายรูปขาวดำที่ใช้แล้ว นำมาซ้อนกัน 2 –3
แผ่น แล้วดูผ่านฟิล์มถ่ายรูป
หรือใช้การมองผ่านกระจกที่รมควันให้แสงผ่านได้น้อยที่สุด
จันทรุปราคา
จันทรุปราคา
จันทรุปาคา เป็นปรากฏการณ์
ที่โลกบังแสงดวงอาทิตย์ไม่ให้ไปกระทบที่ดวงจันทร์ ในบริเวณดวงอาทิตย์ในวันเพ็ญ (
ขึ้น 15 ค่ำ ) โดยโลกอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
ทำให้เงาของโลกไปบังดวงจันทร์
การเกิดจันทรุปราคา หรือเรียกอีกอย่างว่า
จันทคราส
คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันเพ็ญ ( ขึ้น
15 ค่ำ)
เมื่อดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในระนาบเส้นตรงเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ทำให้เงาของโลกบังดวงจันทร์คนบนซีกโลกซึ่งควรจะเห็นดวงจันทร์เต็มดวงในคืนวันเพ็ญจึงมองเห็นดวงจันทร์ในลักษณะต่างๆ
เช่น “ จันทรุปราคาเต็มดวง” เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก
จึงทำคนบนซีกโลกที่ควรเห็นดวงจันทร์เต็มดวง
กลับเห็นดวงจันทร์ซึ่งเป็นสีเหลืองนวลค่อยๆ มืดลง กินเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
จากนั้นจึงจะเห็นดวงจันทร์ เป็นสีแดงเหมือนสีอิฐเต็มดวง
เพราะได้รับแสงสีแดงซึ่งเป็นคลื่นที่ยาวที่สุดและบรรยากาศโลกหักเหไปกระทบกับดวงจันทร์
ส่วน “ จันทรุปราคาบางส่วน” เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์เคลื่อนที่เข้าไปในเงามือของโลกเพียงบางส่วน
จึงทำให้เห็นดวงจันทร์เพ็ญบางส่วนมืดลงและบางส่วนมีสีอิฐขณะเดียวกันอาจเห็นเงาของโลกเป็นขอบโค้งอยู่บนดวงจันทร์ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ว่าโลกกลม
ผลกระทบ
การเกิดจันทรุปราคาไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเพราะเป็นช่วงกลางคืน
แต่คนสมัยก่อนมีความเชื่อเช่นเดียวกับการเกิดสุริยุปราคา โดยเชื่อว่า “ราหูอมจันทร์”
ซึ่งจะนำความหายนะ และภัยพิบัติมาสู่โลก คนจีนและคนไทยจึงแก้เคล็ดคล้ายกันเช่น
ใช้วิธส่งเสียงขับไล่ คนจีนจุดประทัด ตีกะทะ ส่วนคนไทยก็เล่นกันก็ตีกะลา
เอาไม้ตำน้ำพริกไปตีต้นไม้
เอาผ้าถุงไปผูกเพื่อล้างความโชคร้ายและให้ราหูโลกอมจันทร์”
ฤดูกาล
ฤดูกาล (อังกฤษ: Season)
เป็นช่วงเวลาในแต่ละปีที่แบ่งตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
เกิดขึ้นจากการที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เนื่องจากแกนโลกเอียงเป็นมุม 23.5 องศา
จึงทำให้ในแต่ละช่วงของปี แต่ละบริเวณจะได้รับแสงแดดไม่เท่ากัน
ทำให้มีอุณหภูมิต่างกัน จึงเกิดเป็นฤดูกาลต่าง ๆ ขึ้น
ในเขตอบอุ่นและเขตหนาว จะแบ่งออกเป็น 4 ฤดู
ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว ซึ่งโดยทั่วไป
ฤดูในเขตอบอุ่นของซีกโลกเหนือจะมีระยะเวลาดังนี้
• วสันตฤดู หรือฤดูใบไม้ผลิ: 21 มีนาคม - 20
มิถุนายน
• คิมหันตฤดู หรือฤดูร้อน: 21 มิถุนายน - 21
กันยายน
• สารทฤดู หรือฤดูใบไม้ร่วง: 22 กันยายน - 21
ธันวาคม
• เหมันตฤดู หรือฤดูหนาว : 22 ธันวาคม - 20
มีนาคม
ในเขตร้อน จะแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน
ฤดูหนาว (รวมกันเรียกว่า "ฤดูแล้ง") และฤดูฝน
สาเหตุในการเกิดฤดูกาล
ฤดูกาลเกิดขึ้นเนื่องจากการเอียงของแกนโลกที่เอียงทำมุมประมาณ
23.5 องศากับระนาบการหมุนของโลก ส่งผลให้ระยะเวลาในช่วงกลางวันและกลางคืน
รวมถึงการดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของปี
นั่นคือในช่วงที่ซีกโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ซึ่งถือว่าเป็นช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือเนื่องจากได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากที่สุดและมีกลางวันที่ยาวนานที่สุด
ทางซีกโลกใต้จะห่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด
นั่นคือเป็นฤดูหนาวของซีกโลกใต้ซึ่งมีกลางวันที่สั้นที่สุด
เทคโนโลยีอวกาศ
เทคโนโลยีอวกาศ
การออกไปนอกโลกและความหมายของอวกาศ จรวด
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศอวกาศ คือที่ว่างนอกโลก นอกดวงดาว
ดังนั้นจึงมีอวกาศระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ระหว่างดาวฤกษ์และระหว่างเมืองของดาวฤกษ์
จรวด
จรวด
เป็นเครื่องยนต์พลังสูงที่สามารถเพิ่มความเร็วจนสามารถส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศออกไปโคจร
รอบโลก ได้ ถ้าความเร็วของจรวดไม่สูงมากพอหัวจรวดจะตกกลับมายังผิวโลกคล้าย ๆ
การเคลื่อนที่ของ ลูกกระสุนปืน
ดาวเทียม
ดาวเทียม
หมายถึงวัตถุที่มนุษย์ส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก
แปลมาจากคำว่า Satellite ซึ่งปกติแปลว่าดาวบริวาร
ดาวเทียมดวงแรกที่ขึ้นไปโคจรรอบโลกคือสปุตนิค 1
ซึ่งเป็นดาวเทียมของประเทศสหภาพโซเวียตรัสเซีย ส่งขึ้นไปเมื่อ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2500
และดาวเทียมดวงแรกของสหรัฐอเมริกาคือเอ็กพลอเรอร์ 1 ซึ่งขึ้นไปเมื่อวันที่ 31
มกราคม พ.ศ. 2501 ปัจจุบันมีดาวเทียมหลายประเภทและทำหน้าที่ต่าง ๆ กัน เช่น
ดาวเทียมที่ ใช้ประโยชน์ ในการติดต่อสื่อสารเรียกว่า ดาวเทียมสื่อสาร
ดาวเทียมที่ใช้สำรวจทรัพยากรโลกเรียกว่า ดาวเทียมสำรวจพิภพ
ดาวเทียมที่ถ่ายภาพและส่งข้อมูลเกี่ยวกับเมฆ ตลอดลมฟ้าอากาศ เรียกว่า
ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา นอกจากนี้ยังมี ดาวเทียมดาราศาสตร์
ที่ใช้สำรวจศึกษาดวงดาวอีกมากมาย
ยานอวกาศ
ยานอวกาศ หมายถึงยานที่ออกไปนอกโลก
โดยมีมนุษย์ขึ้นไปด้วยพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์
สำหรับการสำรวจหรือไม่มีมนุษย์อวกาศขึ้นไป
แต่มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น จึงอาจแยกยานอวกาศออกเป็น 2
พวกคือ ยานอวกาศที่มีมนุษย์ขับคุม และยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์ขับคุมยานอวกาศของสหรัฐอเมริกาที่มีมนุษย์อวกาศขึ้นไปด้วยได้แก่
ยานอวกาศเมอร์คิวรี ส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 1 คน
ยานอวกาศเจมินีส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ 2 คน
ยานอวกาศอะพอลโลส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปคราวละ 3 คน ยานอวกาศอะพอลโล 11
เป็นยานอวกาศที่นำมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.
2512 ยานขนส่งอวกาศสามารถนำมนุษย์อวกาศหลายคนและสัมภาระต่าง ๆ
รวมทั้งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ แล้วนำนักบินอวกาศกลับสู่พื้นโลกได้คล้ายเครื่องร่อน
ยานอวกาศที่ไม่มีมนุษย์อวกาศขับคุมได้แก่ยานอวกาศที่ส่งไปสำรวจดาวดวงอื่น
เช่น ยานเซอร์เวเยอร์ ซึ่งไปลงดวงจันทร์ ยานไวกิงไปลงดาวอังคาร
ยานกาลิเลโอไปสำรวจดาวพฤหัสบดี ยานแมกเจลแลนสำรวจดาวศุกร์ ฯลฯ
สถานีอวกาศ
สถานีอวกาศ
หมายถึงสถานีหรือสิ่งก่อสร้างซึ่งเคลื่อนรอบโลก
เช่น สถานีอวกาศเมียร์ของรัสเซีย สถานีอวกาศฟรีดอมของสหรัฐอเมริกา
โดยความร่วมมือขององค์การอวกาศยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดาและรัสเซียการออกไปนอกโลก
ความเร็วต่ำสุดที่จะพาดาวเทียมหรือยานอวกาศออกไปนอกโลกได้ต้องไม่ต่ำกว่า 7.91
กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 28,476 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถ้าออกไปเร็วมากกว่านี้ยานจะออกไปไกลจากผิวโลกมากขึ้น เช่น ถ้าไปเร็วถึง 38,880
กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะไปอยู่สูงถึง 35,880 กิโลเมตร และเคลื่อนรอบโลกรอบละ 24
ชั่วโมง เร็วเท่ากับการหมุนรอบตัวเองของโลก
ดาวเทียมที่อยู่ในวงจรเช่นนี้จะอยู่ค้างฟ้า ณ ที่เดิมตลอด 24 ชั่วโมง
ดาวเทียมสื่อสาร
ดาวเทียมสื่อสาร
ดาวเทียมสื่อสารเป็นดาวเทียมที่ใช้ประโยชน์ในการสื่อสารภายในและระหว่างประเทศ
โดยดาวเทียมของประเทศใดประเทศหนึ่ง มักอยู่สูงในระดับประมาณ 36,000
กิโลเมตรเหนือประเทศนั้น ๆ ดาวเทียมสื่อสารจึงเป็นดาวเทียมค้างฟ้า
ที่อยู่คงที่บนฟ้าของประเทศใดประเทศหนึ่งตลอดเวลา นับว่าสะดวกต่อการรับสัญญาณจากดาวเทียมเป็นอย่างยิ่ง
ปัจจุบันมีดาวเทียมสื่อสารระหว่างประเทศของบริษัทอินเทลแซท
ซึ่งส่งดาวเทียมอิสเทลแซทขึ้นไปอยู่เหนือมหาสมุทรอินเดียดวงหนึ่ง
เหนือมหาสมุทรแปซิฟิคดวงหนึ่งและเหนือมหาสมุทรแอตแลนติคอีกดวงหนึ่ง
ทำให้สามารถสื่อสารติดต่อระหว่างประเทศได้ทั่วโลกตลอดเวลา 24
ชั่วโมงดาวเทียมสำรวจพิภพ
สถานีรับสัญญาณจากดาวเทียมดาวเทียมสำรวจพิภพเป็นดาวเทียมที่เคลื่อนรอบโลกอยู่ในระดับต่ำประมาณ
500 กิโลเมตร และมีความสามารถในการแยกภาพสูง ดาวเทียมสำรวจพิภพ
สำรวจทรัพยากรของโลก เช่น ป่าไมทรัพยากรธรณี ทรัพยากรในทะเล
และเนื่องจากเป็นดาวเทียมที่อยู่ในระดับต่ำ จึงไม่ใช่ดาวเทียมค้างฟ้า
แต่จะเปลี่ยนตำแหน่งโดเขยื้อนไปทางทิศตะวันตกของเส้นทางเดิม
และกลับมาผ่านเส้นทางเดิมในเวลาหลายวัน เช่น ดาวเทียม อีอาร์เอส
ของญี่ปุ่นสัญญาณจากดาวเทียมขณะผ่านประเทศไทยเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทยโดยตรง
ดังนั้นเราจึงมีสถานีรับสัญญาณจากดาวเทียมซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองสำรวจทรัพยากรธรรมชาติด้วยดาวเทียมสถานีรับสัญญาณจากดาวเทียมตั้งอยู่ที่
ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โทร.
3269151-2หลายประเทศมีดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศของตนเอง เช่นดาวเทียมไทยคมเป็นดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของไทยซึ่งออกแบบโดยบริษัทฮิวจ์แอร์คราฟท์
สหรัฐอเมริกา
ส่งขึ้นสู่อวกาศโดยอาศัยจรวดอารีอานขององค์การอวกาศยุโรปที่เฟรนกิอานา
ดาวเทียมไทยคมจึงขึ้นไปอยู่เหนือละจิจูด 7องศาเหนือและลองจิจูด 78.5
องศาตะวันออกประโยชน์ของดาวเทียมไทยคมคือช่วยการสื่อสารภายในประเทศในเรื่องโทรศัพท์
การถ่ายทอดโทรทัศน์ โทรสาร โทรพิมพ์ โดยไม่ต้องเช่าดาวเทียมปาลาปาของอินโดนีเซีย
สถานีภาคพื้นดินส่งสัญญาณขึ้นสู่ดาวเทียมอยู่ที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ อ.เมือง
จ.นนทบุรี
Borgata Hotel Casino & Spa - JTHub
ตอบลบJT Spa. All your favorite rooms 청주 출장샵 and suites 영주 출장마사지 are waiting for you at the Borgata in Atlantic 광양 출장마사지 City. Get 울산광역 출장마사지 in the game with all 경상남도 출장샵 the amenities and amenities that